นับแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๗๕ ประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณายาสิทธิราชย์ มาเป็น ระบอบประชาธิปไตย มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ซึ่งนับแต่ห้วงเวลาดังกล่าว จวบจนกระทั่งปัจจุบันประเทศไทยได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญมาแล้ว ถึง ๑๖ ฉบับ โดยฉบับล่าสุดประกาศใช้เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๐
ในอดีตที่ผ่านมา นับแต่ที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๗) ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรก เป็นต้นมาประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายด้าน ส่วนรัฐธรรมนูญก็ได้มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะบ้านเมือง มาจนสามารถที่จะยึดถือได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง เช่น รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
อย่างไรก็แล้วแต่ ประเทศไทยมีปัญหาที่หมักหมมสะสมมานาน และยังไม่สามารถขจัดให้หมดสิ้นไปอย่างเด็ดขาดได้ คือ ปัญหาการใช้อำนาจรัฐของเจ้าหน้าที่รัฐโดยมิชอบ เพื่อผลประโยชน์ของตนและพวกพ้อง นำไปสู่การทุจริตในที่สุด ก่อให้เกิดผลเสียอย่างมากมายต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ จึงได้พยายามแก้ปัญหาและอุดช่องว่างของกฎหมายเพื่อป้องกันการทุจริตคอรัปชั่นให้ลดน้อยลง โดยได้มีบัญญัติไว้ใน หมวด ๑๐ การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ มาตรา ๒๙๑–๓๑๑ เป็นผลให้มาตราการเดิมที่ใช้ในการควบคุมตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐซึ่งไม่มีประสิทธิภาพต้องเปลี่ยนแปลงปรับปรุงใหม่ และเกิดมาตราการใหม่ๆ ขึ้นมาแก้ไขปัญหา อีกทั้งเป็นผลให้องค์กรที่ใช้ในการควบคุมตรวจสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีรูปแบบการตรวจสอบดังนี้ คือ การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จัดตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เพื่อเป็นองค์กรตรวจสอบ การลงคะแนนเสียงของ ส.ส. และ ส.ว. การเข้าชื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งของประชาชน การดำเนินคดีอาญากับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก่อให้เกิดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองขึ้น
ในอดีตที่ผ่านมา นับแต่ที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๗) ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรก เป็นต้นมาประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายด้าน ส่วนรัฐธรรมนูญก็ได้มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะบ้านเมือง มาจนสามารถที่จะยึดถือได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริง เช่น รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
อย่างไรก็แล้วแต่ ประเทศไทยมีปัญหาที่หมักหมมสะสมมานาน และยังไม่สามารถขจัดให้หมดสิ้นไปอย่างเด็ดขาดได้ คือ ปัญหาการใช้อำนาจรัฐของเจ้าหน้าที่รัฐโดยมิชอบ เพื่อผลประโยชน์ของตนและพวกพ้อง นำไปสู่การทุจริตในที่สุด ก่อให้เกิดผลเสียอย่างมากมายต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ จึงได้พยายามแก้ปัญหาและอุดช่องว่างของกฎหมายเพื่อป้องกันการทุจริตคอรัปชั่นให้ลดน้อยลง โดยได้มีบัญญัติไว้ใน หมวด ๑๐ การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ มาตรา ๒๙๑–๓๑๑ เป็นผลให้มาตราการเดิมที่ใช้ในการควบคุมตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐซึ่งไม่มีประสิทธิภาพต้องเปลี่ยนแปลงปรับปรุงใหม่ และเกิดมาตราการใหม่ๆ ขึ้นมาแก้ไขปัญหา อีกทั้งเป็นผลให้องค์กรที่ใช้ในการควบคุมตรวจสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีรูปแบบการตรวจสอบดังนี้ คือ การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จัดตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เพื่อเป็นองค์กรตรวจสอบ การลงคะแนนเสียงของ ส.ส. และ ส.ว. การเข้าชื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งของประชาชน การดำเนินคดีอาญากับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก่อให้เกิดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองขึ้น
ที่มา; e-learning.mfu.ac.th/mflu/1604101/chapter2/group5.doc
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น